พลังของ ‘ที่อยู่อาศัย’ กับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว

ลองหลับตานึกถึง บ้าน หรือ ที่อยู่อาศัย ในวันที่เราเหนื่อย ประตูที่เปิดออก พร้อมกับกลิ่นกับข้าวอุ่นๆ ที่ลอยมาจากครัว เสียงหัวเราะและพูดคุยกันจากห้องนั่งเล่น หรือเพียงแค่แสงบ่ายที่ทาบผ่านผ้าม่านลงบนโต๊ะไม้ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่ฉากหลังของชีวิต แต่เป็น ระบบนิเวศ ของความสัมพันธ์ที่เราเข้าไปอาศัยอยู่จริงๆ
ที่อยู่อาศัยไม่ใช่แค่ที่กลับมานอนหลังทำงานเสร็จ และไม่ใช่ตารางเมตรหรือวัสดุ หากเป็น การออกแบบ ที่สามารถสร้างความใกล้ชิด การเว้นระยะ และการพบกันในสิ่งแวดล้อมที่สบายใจของผู้คนที่เรารัก ตั้งแต่คู่ชีวิต ลูก ไปจนถึงเพื่อนบ้านและชุมชนรอบตัว
บทความนี้อยากชวนมอง พลังของที่อยู่อาศัย ในฐานะเครื่องมือออกแบบความสัมพันธ์ ว่าเราสามารถ เลือก ตั้งแต่ทำเล เลือกผัง เลือกบรรยากาศ และเลือกวัสดุ เพื่อกำหนดเส้นทางความสัมพันธ์ของครอบครัวได้อย่างไร
ที่อยู่อาศัยที่ดี ไม่ได้มีแค่สวย
เมื่อเวลาร่วมกันในครอบครัวลดลงจากตารางชีวิตที่แน่นขึ้น งานศึกษาด้านการออกแบบบ้านชี้ชัดว่า พื้นที่ที่เอื้อต่อกิจกรรมพร้อมกันหลายอย่าง (concurrent activities) คือหัวใจของปฏิสัมพันธ์ พื้นที่คอนโดหรือที่อยู่อาศัยที่ดี อาจสามารถออกแบบได้หลายแบบเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ให้เกิดขึ้นได้จริง เช่น จัดให้ครัวเป็นศูนย์กลางของบ้าน เชื่อมต่อพื้นที่นั่งเล่น กินข้าว มองเห็นกันได้ ทำ จุดร่วม ให้เกิดง่าย เช่น โต๊ะยาวที่เป็นได้ทั้งโต๊ะกินข้าว โต๊ะทำการบ้าน หรือแม้แต่การสร้างการไหลเวียนที่ไร้สิ่งกีดขวาง เพื่อเพิ่มโอกาสเจอหน้ากันของคนในครอบครัว
พื้นที่อยู่อาศัยควรช่วยบาลานซ์ ความเป็นส่วนตัว
เราไม่จำเป็นต้องเป็นครอบครัวที่คุยกันตลอดเวลา การใกล้กันแบบใกล้ตาแต่ไม่กวนใจนั้นสำคัญมาก โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยที่ประกอบด้วยคนหลายเจเนอเรชัน การมีพื้นที่ส่วนกลางที่ชวนมาเจอกัน ควบคู่กับการมีพื้นที่สงบที่เราสามารถถอยไปอยู่คนละมุมได้ คือกุญแจของความสัมพันธ์ที่ไม่อึดอัด

แสง เพดาน อากาศ วัสดุ คือ รายละเอียดเล็กๆ ที่เปลี่ยนอารมณ์ใหญ่
จิตวิทยาสิ่งแวดล้อมบอกเราว่า แสงธรรมชาติที่พอดี อากาศถ่ายเทดี วัสดุที่มีคุณภาพ สามารถลดความเครียดและชวนให้คนอยากอยู่ร่วมกันนานขึ้น งานวิจัยบางชิ้นยังพบ Cathedral Effect ว่า เพดานสูง เชื่อมโยงกับความรู้สึกอิสระและการคิดเชิงนามธรรม ดังนั้นที่อยู่หรือการออกแบบพื้นที่ที่ทำให้เรารู้สึกสบายกายและใจไปพร้อมๆ กัน จะใส่ใจเรื่องแสงและรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้นด้วยเช่นกัน อาทิ
เปิดรับแสงธรรมชาติ ทางทิศที่เหมาะ และซ้อนชั้นด้วยม่านกรอง/ม่านทึบเพื่อคุมกลิ่นอายตลอดวัน
เพดานสูงหรือเล่นระดับ แค่เพิ่มสูง/ยกฝ้าเฉพาะโซนรวม ก็เปลี่ยนอารมณ์ได้มากแล้ว
วัสดุสัมผัสอุ่น เช่น ไม้ ผ้า พื้นผิวด้าน ช่วยให้พื้นที่นั่งคุยนั่งได้นาน และบ้านที่เป็นระเบียบก็ช่วยลดความตึงเครียดโดยไม่รู้ตัว
การทำให้บ้านมีเสียงที่เงียบสงบมากขึ้น อาจลองใช้พรม ผ้าม่านบุ จะยิ่งทำให้คุยกันได้ชัดโดยไม่ต้องตะโกนมากยิ่งขึ้น 
ครัว: หัวใจของที่อยู่อาศัยที่ออกแบบให้ ทุกคนมีบทบาท
องค์ประกอบหนึ่งของที่อยู่อาศัยคือ ครัว ที่เป็นยิ่งกว่าสถานที่ทำอาหารแต่เป็นอีกหนึ่งพื้นที่พูดคุยกันหลังเลิกงาน การออกแบบครัวจึงเป็นอีกหนึ่งหัวใจของการสร้างสายสัมพันธ์ครอบครัวให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น การทำพื้นที่ครัวให้มีลักษณะเป็นพื้นที่ที่สะดวกสบาย หรือโซนกินข้าวที่กว้างขวาง จะช่วยให้ชั่วโมงสำคัญอย่างการกินข้าวร่วมกันเป็นชั่วโมงที่เกิดขึ้นได้จริงมากขึ้น ซึ่งมีหลากหลายไอเดียที่สามารถออกแบบได้ เช่น
เป็นพื้นที่เจอกันได้หลายระดับ จะยืนก็ได้ จะนั่งก็ได้ สามารถมองเห็นหน้ากันได้
ทำครัวให้ไม่โดดเดี่ยว คือตำแหน่งซิงก์หรือเตาสามารถทำให้เราหันมาพูดคุยกับคนอื่นๆ ได้สะดวก ทำกับข้าวไปก็คุยกับคนที่บ้านได้
นั่งสบายต่อเนื่องด้วยเก้าอี้เล็กๆ ที่ช่วยเชื่อมครัว โต๊ะกินข้าว และมุมนั่งเล่นให้เป็นพื้นที่เดียวกันอย่างกลมกลืน 
ห้องนั่งเล่นที่ทำให้คุยกันมากกว่าดูจอ
ห้องนั่งเล่นไม่ใช่แค่การหันโซฟาเข้าโทรทัศน์เท่านั้น แต่การจัดวางที่เก้าอี้หันหากันในระยะที่นั่งสบายและเปิดรับแสงอบอุ่นๆ จะช่วยให้การคุยกันเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ องค์ประกอบที่เราสัมผัส ผ้าห่มนุ่ม หมอนอิง โต๊ะไม้จริง ล้วนช่วยลดความเครียดและสร้างพื้นที่เปิดใจพูดคุยกันได้ยาว

การออกแบบที่อยู่อาศัยช่วยออกแบบความสัมพันธ์
จะเห็นได้ว่า การเลือกที่อยู่อาศัยคือการเลือกวิถีชีวิตและรูปแบบความสัมพันธ์ที่เราอยากมีร่วมกัน ผังที่ชวนเจอหน้า วัสดุที่ชวนแตะต้อง แสงที่ชวนหยุดคุย มุมเล็กๆ ที่ชวนร่วมมือ รวมถึงละแวกที่ชวนออกไปเดินทักทาย ทั้งหมดนี้คือการออกแบบ เวลาคุณภาพ และ ความหมายร่วม ให้เกิดขึ้นได้ทุกวัน
สุดท้าย บ้านที่ดีไม่จำเป็นต้องใหญ่หรือหรู แต่ต้อง ใช้จริง อบอุ่น และซื่อสัตย์กับชีวิตเรา ถ้าทุกคนในบ้านมีที่ของตัวเอง มีพื้นที่กลางที่เรียกกันมานั่งใกล้ๆ ย่อมสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างพื้นที่ให้ความสัมพันธ์ค่อยๆ งอกงาม และสร้างโอกาสสำคัญหลายอย่างที่เป็นหัวใจของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ว่าจะเป็น
โอกาสพบกัน (Opportunity): ผังที่เชื่อมโยงและจุดร่วมหลายบทบาท เพิ่มความน่าจะเป็นของการเจอกันโดยไม่ต้องนัด
คุณภาพการอยู่ร่วม (Quality): แสง ระบบการควบคุมเสียงของห้อง และวัสดุ ทำให้การคุยง่ายขึ้นเหนื่อยน้อยลง
ความปลอดภัยทางอารมณ์ (Psychological Safety): มีพื้นที่ถอย มีมุมสงบ ทุกคนรู้สึกได้รับการเคารพ จึงกล้าคุยเรื่องยาก
ความหมายร่วม (Shared Meaning): ครัว/โต๊ะกินข้าว/ลานเล็ก ๆ กลายเป็นพื้นที่กิจกรรมย่อยของครอบครัว


มาออกแบบชีวิตของพวกเราไปด้วยกันเถอะ!
ที่มา
https://www.brownandbrown.studio/journal/designing-a-home-for-family-interaction
https://www.avlv.com/how-design-architecture-influence-social-interaction-at-home/
บทความโดย นัก(ชอบ)เขียน - ที่บางครั้งก็หลบหนีไปอ่านนิยาย ฟังเพลง ทำสวน พรวนดิน และจัดห้องใหม่วนไป สนใจประเด็นความสัมพันธ์ การเติบโต การพัฒนาเมือง มีคติประจำใจคือ คิดอะไรไม่ออกให้ลองนอนดูก่อน ตื่นขึ้นมาค่อยว่ากันใหม่


